“โรคหลอดเลือดสมอง” (Stroke) เกิดขึ้นเมื่อสมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากเส้นเลือดในสมองตีบหรือเส้นเลือดสมองแตก เป็นเหตุให้เนื้อเยื่อในสมองนั้นถูกทำลายลง ส่งผลให้การทำงานของสมองหยุดชะงัก ส่งผลให้เซลล์สมองถูกทำลายเสียหาย หากผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีชีวิตอยู่ก็มักจะมีความพิการหลงเหลืออยู่ได้แก่ อัมพฤกษ์ อัมพาต นั่นเอง
แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
- โรคหลอดเลือดสมองตีบ(Ischemic Stroke) พบได้ประมาณ 70–85% ของโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด
- โรคหลอดเลือดสมองแตก(Hemorrhagic Stroke) ทำให้มีเลือดออกมาอยู่ในเนื้อสมอง หรือเยื่อหุ้มสมอง พบได้ประมาณ 15–30% ของโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด
โรคหลอดเลือดสมองตีบ
ทำให้เซลล์สมองและเซลล์เนื้อเยื่ออื่นๆ ขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน ซึ่งอาจเกิดจากภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ผนังหลอดเลือด เช่น ไขมันและเกล็ดเลือด มาเกาะที่ผนังหลอดเลือดหรือมีการสร้างชั้นของผนังเซลล์หลอดเลือดที่ผิดปกติ ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาและเสียความยืดหยุ่น ทำให้มีการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดได้
โรคหลอดเลือดสมองแตก
พบน้อยกว่าโรคหลอดเลือดสมองตีบ แต่มีความรุนแรงมากกว่า สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองแตก อาจเกิดจากความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมองโป่งพอง เป็นต้น มักมีอาการปวดศีรษะทันที อาเจียน แขนขาอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ชัก หรือหมดสติได้ ถือเป็นระยะอันตราย เนื่องจากเป็นภาวะที่มีเลือดออกในสมอง ซึ่งนอกจากจะต้องนำผู้ป่วยไปถึงมือหมอโดยเร็วที่สุดแล้ว ยังจำเป็นต้องรักษาด้วยการผ่าตัดช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ดังนั้น การระมัดระวังตนเองและป้องกันมิให้เกิดโรคจึงน่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ด้วยการดูแลสุขภาพของตนตั้งแต่อายุยังน้อย หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และคอยตรวจสอบตนเองอยู่เสมอด้วยนะคะ
Comments
Post a Comment